เป็นปรากฏการณ์ที่ฮือฮากันระดับโลกครับ เมื่อจีนประกาศศักดาด้วยการสร้างหนังแอนิเมชันในระดับคุณภาพที่ไม่น้อยหน้าฮอลลีวูด ออกมาให้เห็นเป็นประจักษ์กันไปชัด ๆ ด้วยการกวาดรายได้ถล่มทลายเฉพาะแค่ในจีน 703 ล้านเหรียญ หรือ 4.95 พันล้านหยวน ขึ้นแท่นหนังที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2019 ในจีนแผ่นดินใหญ่ ถ้านับตั้งแต่แต่ปี 2015 เป็นต้นมา Ne Zha เป็นหนังเรื่องที่ 9 แล้วที่เข้าชาร์ต Top 10 อันดับหนังทำเงินสูงสุดในประเทศจีน และใน 10 อันดับแรกนี้ มีเพียง Avengers: Endgame ที่เป็นหนังฮอลลีวูดเรื่องเดียว ที่เข้ามาอยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยรายได้ 4.23 พันล้านหยวน

Ne Zha เป็นม้ามืดมาแรงปลายปี ที่ทำรายได้ขึ้นแซงหน้า The Wandering Earth ที่เคยเป็นแชมป์ของปีนี้ที่ตัวเลขรายได้ 4.65 พันล้านหยวน เข้าไปแทนที่ในอันดับที่ 2 หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในประเทศจีน ซึ่งยังเป็นรองแค่รองเดียวคือ Wolf Warrior 2 ที่ครองแชมป์มาตั้งแต่ปี 2017 ด้วยรายได้ 5.67 พันล้านหยวน

Ne Zha อยู่ในอันดับที่ 10 และ The Wandering Earth อยู่ในอันดับที่ 11 ตารางหนังทำเงินสูงสุดทั่วโลก 2019

       นอกจาก Ne zha จะขึ้นแชมป์หนังทำเงินสูงสุดในปีนี้แล้ว ยังขึ้นสู่อันดับ 1 ในตำแหน่งหนังแอนิเมชันทำเงินสูงสุดในประเทศจีนอีกด้วย ล้มแชมป์เก่าอย่าง Zootopia ที่ครองแชมป์มาตั้งแต่ปี 2016 นับเป็นความภาคภูมิใจของบริษัท Beijing Enlight Media ผู้สร้างหนังแอนิเมชัน สัญชาติจีนโดยแท้จริง ที่สามารถสร้างหนังแอนิเมชันออกมาได้มีคุณภาพใกล้เคียงกับผลผลิตจากฮอลลีวูดที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ยังไม่พอ Ne Zha ยังสร้างอีกหนึ่งสถิติด้วยการครองแชมป์ภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดตลอดกาล ด้วยตัวเลข 91.5 ล้านเหรียญ เอาชนะ Avenger End Game แชมป์เดิม ที่เป็นหนังฮอลลีวูดเพียงเรื่องเดียว ที่มาสร้างสถิตินี้ไว้ในจีนแผ่นดินใหญ่ได้สำเร็จ

       ปรากฏการณ์ของ Ne Zha ทำให้นักการตลาด และวงการหนังฮอลลีวูดต้องตื่นตัวและมาวิเคราะห์ความสำเร็จของ Ne Zha กันอย่างจริงจัง เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จีนกลายเป็นอีกตลาดใหญ่ของหนังฮอลลีวูด ทำให้เกิดกระแสการสร้างหนังที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างจีนและฮอลลีวูด เริ่มมีการใส่นักแสดงเอเซีย และถ่ายทำในจีนมากขึ้นเพื่อหวังตลาดใหญ่ในประเทศจีน การที่ Ne Zha ประสบความสำเร็จเช่นนี้ ก็ต้องศึกษาค่านิยมของผู้ชมชาวจีนที่เปลี่ยนไป เพราะที่ผ่านมาตลาดหนังแอนิเมชันในจีนนั้นครองส่วนแบ่งอยู่แค่ 6% - 10% เท่านั้น, ยีเฉีย ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และ CEO ของบริษัท Chinese studio Coloroom ได้ให้ความเห็นว่า "การที่ Ne Zha ประสบความสำเร็จได้ในระดับนี้เป็นตัวชี้ชัดว่าคนจีนมีวุฒิภาวะในการเลือกชมภาพยนตร์มากขึ้น บวกกับค่าความนิยมของตลาดหนังแอนิเมชันในประเทศจีนขยายตัวมากขึ้นอีกด้วย"

กลาง : เจี่ยวจือ ผู้กำกับภาพยนตร์ / ขวา : เยี่ยฉี ผู้อำนวยการสร้างในวันเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ Ne Zha

      ยี่เฉีย ยังตอบข้อสงสัยกับสื่ออีกมากในระหว่างตั้งโต๊ะแถลงข่าวในวันที่ Ne Zha เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ พอสรุปเป็นใจความได้ว่า

"Ne Zha ออกฉายในช่วงที่ถูกจังหวะ เพราะที่ผ่านมานั้นตลาดหนังแอนิเมชันยังพุ่งเป้าหมายไปที่ผู้ชมรุ่นเล็ก แต่สำหรับ Ne Zha นั้นเขามุ่งเป้าไปที่ผู้ชมกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น ตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี่ ทางกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์ต่างก็พยายามขจัดแนวคิด ความเชื่อที่ฝังหัวชาวจีนกันมาตลอดว่าการ์ตูนหรือแอนิเมชันนั้นสร้างมาเพื่อเด็ก ๆ ดูเท่านั้น แล้วกลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่นี่ล่ะ ที่พร้อมจะเปิดใจยอมรับหนังแอนิเมชันมากขึ้น"

แล้ว Ne Zha คือตัวอย่างที่ชัดเจน ของความสำเร็จของหนังสัญชาติจีน ที่เขี่ยให้ Avenger End Game ลงไปอยู่ในอันดับ 3 ในตารางหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลได้ เพราะถ้าพิจารณาตารางรายได้หนังในจีนที่ผ่านมา ทุกๆ ปี หนังฮอลลีวูดจะเอาชนะหนังสัญชาติจีนมาได้ตลอด แล้ว Ne Zha คือก้าวสำคัญที่ประกาศให้เห็นถึงความสำเร็จของหนังที่เป็นผลผลิตของคนจีนเอง ที่เอาชนะหนังฮอลลีวูดได้สำเร็จ

          ยี่เฉีย ยังมองอีกว่า Ne Zha เป็นหนังที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับหนังที่หวังผลทางการตลาดจากฮอลลีวูด พวกเขาอยากจะส่ง Ne Zha ออกไปกวาดรายได้ในตลาดโลก อย่างที่ The Wandering Earth หนังไซ-ไฟ สัญชาติจีนเคยทำได้สำเร็จในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ ที่สามารถทำรายได้ในตลาดโลกได้มากถึง 699,760,773 เหรียญ อยู่ในอันดับที่ 10 ของตารางหนังทำเงินสูงสุดทั่วโลกในปี 2019 แถมยังทำรายได้เอาชนะหนังฮอลลีวูด ๆ ดังอย่าง X-Men: Dark Phoenix,  Us, Once Upon A Time in Hollywood และ  It: Chapter 2 ได้สำเร็จอีกด้วย ฉะนั้นเป้าหมายต่อไปของตลาดหนังจากประเทศจีนคือจะบุกตลาดสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร ในวันที่ผู้ชมชาวอเมริกันยังไม่นิยมดูหนังที่พูดภาษาต่างประเทศ เพราะไม่ชอบอ่านซับไทเทิลกัน ก็ต้องเป็นความพยายามของผู้สร้างและผู้ทำการตลาดที่จะช่วยกันเปลี่ยนค่านิยมเหล่านั้น แล้วเปิดใจรับหนังจากประเทศจีนมากขึ้น

ตัวอย่างภาพยนตร์