15 คู่หูคู่ฮา ยอดเยี่ยมตลอดกาลของฮอลีวู้ด

Movie News23 สิงหาคม 2560

             หนังในแนวคู่หูคู่กัดเป็นอีกแนวที่ฮอลลีวู้ดนิยมสร้างมาตลอด ก็มีทั้งคู่ที่ดูเคมีเข้ากันดี คนดูก็ชอบ นักวิจารณ์ก็ชื่นชม ก็ทำให้หากินกับภาคต่อไปได้อีก แต่ก็มีบางคู่ที่ดูแล้วไม่เข้าขากัน ก็แป้กจบกันไปในภาคเดียว แต่ก็นับว่าเป็นส่วนน้อยนะครับ ส่วนใหญ่หนังคู่หูที่รับส่งกันดีก็มักจะประสบความสำเร็จ หนังแนวนี้เลยไม่ค่อยห่างหายไปจากตลาดหนังฮอลลีวู้ด โปรแกรมหน้านี้ก็เตรียมดูคู่กัดคู่ใหม่ ที่ดูท่าแล้วน่าจะทั้งมันส์ทั้งฮากับการจับคู่กันของไรอัน เรย์โนลด์ และ ซามูเอล แอล.แจ๊คสัน ก็ถือว่าเป็นการจับคู่ได้ดีเพราะหนังมาแนวแอ็คชั่น-คอมมีดี้ แล้วทั้งคู่ก็ผ่านงานกันมาแล้วทั้งหนังแอ็คชั่น และหนังคอมมีดี้ บวกกับได้ผู้กำกับแพททริค ฮิวจ์ ที่เคยผ่านงานแอ็คชั่นสุดมันส์อย่าง The Expendables 3 มาแล้วด้วย 24 สิงหาคม นี้ก็รอดูกันซิว่าการจับคู่ที่ดูต่างกันสุดขั้วอย่าง ไรอัน และ ซามูเอล จะสามารถสร้างแฟรนไชส์ภาคต่อเรื่องใหม่ได้หรือไม่ แต่ก่อนอื่นเราลองมาดูกันซิว่า ในอดีตที่ผ่านมาของหนังฮอลลีวู้ดมีคู่หูคู่ฮา คู่ไหนบ้างที่เป็นที่ชื่นชอบตลอดกาลของคนดู เผื่อใครตกหล่นเรื่องไหนได้ไปหาดูกันนะ


15. ทินา เฟย์ และ เอมี่ โพห์เลอร์



             อย่าคิดไปเองว่าหนังดูโอจะต้องมีแต่คู่หูฝ่ายชายนะ เปิดมาคู่แรกก็เป็นคู่หญิงเลย ทั้งคู่เริ่มงานคู่ด้วยการเป็นพิธีกรคู่ในรายการทีวีสุดฮิต Saturday Night Live ในช่วงต้น 90s ด้วยการส่งมุกที่เข้าขากันส่งผลให้ทั้งคู่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง จนผู้สร้างดึงไปเล่นหนังด้วยกันใน Baby Mama (2008) ทินา รับบทนักธุรกิจหญิงจอมยะโส ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนปาเข้าวัย 37 เพิ่งคิดอยากมีลูก แต่หมอบอกว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้ เลยไปจ้างแม่บ้านสมองกลวงให้มาตั้งท้องแทนเธอ ซึ่งเป็นบทของเอมี่ ทั้งคู่เล่นได้เข้าขากันดี คนดูชอบใจหนังได้กำไรอื้อ ในขณะที่เสียงวิจารณ์กลับไม่สู้ดีนัก เว้นช่วงไป 7 ปี ทินา กับ เอมี่ กลับมาร่วมจอกันอีกครั้งใน Sister (2015) รอบนี้รับบทเป็นพี่น้องกัน  เคมีทั้งคู่ยังทำงานกันได้ดี บวกกับพลอตที่เต็มไปด้วยมุกฮา ๆ ทำให้หนังเรียกเสียงหัวเราะได้มาก แฟน ๆ ก็ชื่นชอบกันทำรายได้ไปทะลุ 100 ล้านเหรียญ สวนกระแสกับเสียงวิจารณ์เช่นเคย การเจอกันทั้ง 2 เรื่อง ทำกำไรไปมาก ยืนยันความนิยมของทั้งคู่ได้ดี และน่าจะมีการเจอกันครั้งที่ 3


14. เจย์ และ ไซเลนต์ บ็อบ



            ชื่อจริงของทั้งคู่คือ เจสัน เมเวส และ เควิน สมิธ แต่ไม่มีใครสนใจชื่อจริงของคู่นี้หรอก เพราะทั้งคู่ถูกจดจำด้วยฉายาในหนัง เจย์ และ ไซเลนต์ บ็อบ คู่นี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยตัว เควิน สมิธเองซึ่งเป็นทั้ง นักเขียนบทและผู้กำกับ เควิน สร้างหนังออกมาหลายเรื่องในช่วงปลายยุค 90s  เจย์ และ ไซเลนต์ บ็อบ ถือกำเนิดขึ้นมาใน Clerks (1994) หนังคัลต์คลาสสิคที่หลายคนชื่นชอบ ส่งผลให้ เควิน สมิธ สร้างหนังแนวนี้ออกมาอีกหลายเรื่องและเชื่อมโยงกันเป็นจักรวาลของตัวเองที่ชื่อว่า Askewniverse ตามชื่อบริษัทหนังของเขา View Askew Production และทุกเรื่องก็จะมี เจย์ และ ไซเลนต์ บ็อบ อยู่ด้วย ซึ่งพฤติกรรมของทั้งคู่ก็จะเริ่มหลุดโลกไปไกลจากจุดเริ่มต้นที่ตั้งใจไว้นัก ไซเลนต์ บ็อบ จะสวมโค้ตดำตัวใหญ่หน้าตาดูครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจะเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีมาก  ส่วนเจย์ จะหื่นกามและพูดจาติดลามกทุกคำ แต่ทั้งคู่ก็ได้รับความนิยมและมีแฟน ๆ กลุ่มเฉพาะที่ติดตามผลงานของคู่นี้ ทำให้เจย์ และ ไซเลนต์ บ็อบ ได้โผล่ในหนังอีกหลายเรื่อง Dogma (1998), Jay And Silent Bob Strike Back (2001), and Clerks II (2006) และยังมีข่าวว่าจะมี Clerk III ออกมาอีกด้วย


13. เซ็ธ โรเจ็น และ เจมส์ ฟรานโค



            คู่นี้ก็ร่วมงานกันมานานมาก เริ่มตั้งแต่ซีรีส์ Freaks & Geeks (1999) ชอบโผล่ไปเป็นแขกรับเชิญตามซีรีส์และสร้างวีดีโอไวรัล ทำให้ภาพลักษณ์ของทั้งคู่กลายเป็นคู่หูนักปาร์ตี้สิงห์กัญชาประจำฮอลลีวู้ด ทั้งคู่ค่อย ๆ สะสมชื่อเสียงมา จนเป็นที่รู้จักจริง ๆ ใน Pineapple Express (2008) เซ็ธ เป็นมนุษย์วิตกจริต ส่วน เจมส์ ก็เป็นจอมมุทะลุ หนังประสบความสำเร็จทำให้ทั้งคู่เจอแนวที่แฟน ๆ ชื่นชอบ ยิ่งบ้า ยิ่งห่าม ยิ่งเล่นกับเรื่องเสี่ยง ๆ ก็ยิ่งดัง และทั้งคู่ก็ไปสุด ๆ กันในหนังอื้อฉาว The Interview (2014) เพราะหยิบเรื่องระดับชาติมาเล่น ในเรื่องนี้เขาหยิบเอาผู้นำเกาหลีเหนือมาล้อเล่นกันสนุก, ทั้งคู่ก็ยังมีบทบาทในหนังตลกรวมดาราใน This is The End (2013) และไปพากย์เสียงในอนิเมชั่นสุดลามกใน Sausage Party (2016)


12. บ็อบ โฮป และ บิง ครอสบี้



            ย้อนไปดูคู่เก๋าดึกดำบรรพ์กันบ้าง คู่นี้เริ่มเล่นด้วยกันตั้งแต่ปี 1940 นู่น บ็อบ โฮป และ บิงครอสบี้ เป็นเพื่อนกันทั้งในจอและนอกจอ ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในหนัง "Road To Singapore" (1940) บิง ครอสบี้ รับบทเป็นหนุ่มเจ้าเล่ห์แสนกะล่อน ส่วน บ็อบ โฮปก็เป็น18มงกุฏ ทั้งคู่เข้าขากันได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยมีโดโรธี ลามัวร์ เป็นเหยื่อสาวที่อยู่ท่ามกลางสองหนุ่ม และมีเพลงประกอบหนังมากมาย เดิมที "Road To Singapore" เป็นบทหนังที่พาราเมาท์ปฏิเสธจะสร้าง แต่พลิกล็อคกลับหลายเป็นหนังฮิตในท้ายที่สุด ทางค่ายเห็นศักยภาพของคู่นี้ ก็เลยสร้างหนังสูตร "RoadTo........."ตามออกมาอีกเป็นขโยง  Road To Morocco ,  Road To Rio , Road To Zanzibar, Road To Utopia  ด้วยเสน่ห์ในเสียงร้องของบิง ครอสบี้ และ มุกตลกของ บ็อบ โฮป ทำให้ทางค่ายหากินกับภาคต่อไปได้เรื่อย โดยไม่ต้องจริงจังอะไรกับเนื้อหามากนัก ความสำเร็จของทั้งคุ่ส่งให้ บิง ครอสบี้ และ บ็อบ โฮป เป็นคู่หูคู่ฮาที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล


11. คริส ทัคเกอร์ และ แจ๊คกี้ ชาน
 


            ส่วนหนึ่งที่ส่งให้แฟรนไชส์หนัง Rush Hour ประสบความสำเร็จก็คือ สโลแกนของหนังที่ว่า "มือที่เร็วที่สุดจากโลกตะวันออกมาพบกับปากที่พูดไม่หยุดจากโลกตะวันตก"  บวกกับไอเดียเลอเลิศของผู้สร้างที่จับคู่ต่างกันสุดขั้วจาก 2 วัฒนธรรมให้มาเป็นคู่หูกัน คริส ทัคเกอร์ มารับบทเป็นคริส คาร์เตอร์ ตำรวจลอสแองเจลิส ต้องมาร่วมงานกับ นักสืบลี ที่บินมาสะสางคดี หนังอยู่ในมือของ เบร็ต แรตเนอร์ ผู้กำกับที่ช่ำชองกับหนัง แอ็คชั่น-คอมมีดี้

            ช่วงนั้น คริส ทัคเกอร์ กำลังดังจากหนัง Friday (1995) กับฉากโชว์ฝีปากรัว ๆ พูดไม่หยุดบนเวที ส่วน แจ๊คกี้ ชาน นั้นชื่อเสียงทางด้านกังฟูของเขาเป็นที่ดึงดูดของแฟนประจำอยู่แล้ว และเมื่อมาอยู่ในหนังแอ็คชั่น-คอมมีดี้แบบนี้ แจ๊คกี้ ก็ได้โอกาสเปิดทักษะทางด้านฮาของเขาให้ผู้ชมได้เห็น   การจับคู่ฮาบนความแตกต่างทำให้แฟน ๆ ชื่นชอบและติดตามในหนังภาคต่อ จนกลายเป็นไตรภาค


10. เบ็น สติลเลอร์ และ โอเว็น วิลสัน



            2 ผู้ก่อตั้งกลุ่ม "Frat Pack" กลุ่มนักแสดงตลกในยุคกลาง 90s ที่นอกจาก 2 คนนี้ก็ยังมี วินซ์ วอห์น , แจ๊ค แบล็ค , ลุค วิลสัน และ สตีฟ คาเรลล์ ทั้งคู่ปฎิวัติตนเป็นต้นแบบของนักแสดงตลกยุคใหม่ที่ไม่ซีเรียสจริงจังแบบเมื่อก่อน แต่จะผ่อนคลายมากขึ้น แล้วพวกเขาก็เจอทิศทางที่คนดูชอบด้วยการเล่นมุกที่ห่ามและหยาบมากขึ้น และเมื่อใดที่ 2 คนนี้ได้เข้าคู่กัน ก็ฮาได้สุดขีดจริง อย่างที่เห็นในหนัง "Zoolander"(2001) ถึงแม้เป็นอะไรที่ตรงข้ามกับความเจ๋งความเท่ แต่ก็รวมความบ้าไว้ได้สุด ๆ และแม้กระทั่งตอนที่ โอเว็น วิลสัน โผล่ไปรับเชิญในหนังของ เบ็น สติลเลอร์ Meet The Parents , Night At The Museum ทั้งคู่ก็ยังคงความเป็นคู่หูปล่อยมุกกันเข้าขาให้คนดูได้ฮากันทุกทีไป ถ้าชอบผลงานของคู่นี้ก็ไม่ควรพลาด Starsky And Hutch (2004) อีกเรื่องที่ทั้งคู่ได้เคยร่วมงานกันไว้


9. วิลล์ เฟอร์เรล และ จอห์น ซี. ไรลีย์



            วิลล์ เฟอร์เรล ผู้ถนัดบทมนุษย์งี่เง่าแบบไม่ให้ใครแซงได้ และ จอห์น ซี. ไรลีย์ นักแสดงผู้เชี่ยวชาญกับทุกบทบาท คู่นี้มาร่วมงานกันอยู่หลายครั้ง แล้วทุกครั้งเราก็จะได้ดูหนังตลกที่ไร้สาระสุด ๆ ถ้ายกตัวอย่างชัด ๆ ก็ต้องฉากเปิดในหนังเรื่อง Talladega Nights: The Ballad of Ricky Bobby (2006) ที่จะอธิบายความหมายนี้ได้ดีสุด ๆ งานที่ทั้งคู่ปล่อยของกันเต็มที่ก็คือ "Step Brothers" (2008) ที่ทั้งคู่มารับบทพี่กัน  เพราะพ่อและแม่ของพวกเขามาแต่งงานกัน มีมุกเด็ด ๆ ประโยคฮา ๆ จากหนังมากมาย ส่งผลให้ทั้งคู่เป็นตลกคู่หูที่หลายคนชื่นชอบในยุคปี 2000


8. จีน ไวล์เดอร์ และ ริชาร์ด ไพรเออร์



           เป็นคู่ที่ทันมุกกันและความฮาทัดเทียมเกันจริง ๆ , ยีน ไวลเดอร์ เป็นดาราขาประจำของผู้กำกับเมล บรู๊คส์ มีผมแดงหยิกเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้หน้าตาเขาดูฮาตั้งแต่แรกเห็น และ ริชาร์ด ไพรเออร์ เป็นตลกระดับตำนานเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเมล บรู๊คส์อีกที เป็นคนคิดมุกฮา ๆ ให้กับหนังด้วย

           ยีน และ ริชาร์ด เข้าคู่กันรับส่งมุกได้ลื่นไหล ส่งให้หนัง Silver Streak (1976) ประสบความสำเร็จ ค่ายหนังเห็นชัดแล้วว่าเขาคิดถูกที่จับคู่นี้มาเล่นด้วยกัน เลยรีบสานต่อความสำเร็จด้วย Stir Crazy (1980) กลายเป็นหนังที่นักวิจารณ์ด่าเสียเทเสีย แต่ตรงกันข้ามหนังประสบความสำเร็จทางด้านรายได้อย่างสูง ทะลุ 100 ล้านเหรียญในยุคนั้น ทำให้ ยีน และ ริชาร์ด กลายเป็นคู่หูคู่ฮิตและมีหนังตามมาอีก 2 เรื่อง  พลอตโง่ ๆ ยิ่งกว่าเดิมอีก See No Evil, Hear No Evil (1989) , career swan song Another You (1991)


7. ไซมอน เพ็กก์ และ นิค ฟรอสต์



           มาดูคู่หูจากฝั่งอังกฤษกันบ้าง ไซมอน เพ็กก์ และ นิค ฟรอสต์ การเข้าคู่กันได้อย่างมีเสน่ห์และการชงตบมุกอย่างฉลาด สมควรให้มีชื่อของคู่นี้อยู่ในลิสต์ด้วย , ผลงานแรกของทั้งคู่ Shaun of the Dead in 2004 สร้างชื่อให้ทั้งคู่เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว นิค ฟรอสต์ มาในมาดมนุษย์ขี้เกียจ ชีวิตวัน ๆ ไม่เคยต้องกังวลกับอะไร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ส่วน ไซม่อน เพ็กก์ มาในมาดมนุษย์ขี้วิตกกังวล ด้วยการที่ ไซมอน และ นิค เป็นคู่หูที่เคมีลงตัว ผู้กำกับเอ็ดการ์ ไรท์ เลยสานต่อความสำเร็จของคู่นี้ด้วย Hot Fuzz (2007) และ The World’s End (2013) กลายเป็นหนังไตรภาคที่วงการยกย่องและถูกตั้งฉายาว่า "3cornnetto"


6. โจนาห์ ฮิลล์ และ แชนนิ่ง เททัม



               แรกทีเดียวตอนที่ทีมงานจับคู่นี้มาเจอกันในหนัง 21 Jump Street รีบู๊ต หลายคนก็มองว่าไม่น่าเวิร์ค คู่นี้ดูไม่น่าจะเข้าขากันได้ แชนนิ่ง เททัม ก็เป็นดารามาจากสายหนังเต้น ที่ฝีมือการเต้นดูจะล้ำหน้าฝีมือการแสดงของเขา ส่วนโจนาห์ ฮิลล์ ที่ผ่านมาก็เหมือนเป็นลูกไล่อยู่ข้างหลังเซ็ธ โรเจ็น แต่ผลออกมาพลิกล็อคเมื่อทั้งคู่เข้าขากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ พลังดาราของทั้งคู่ส่งให้ 21 Jump Street กลายเป็นหนังฮิตไปได้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จ ก็คือการวางคาแรกเตอร์ให้สลับกัน แชนนิ่ง เททัม จากที่น่าจะเป็นพระเอกหล่อ ก็ได้รับบทตำรวจซื่อบื้อแทน ส่วนเซ็ธ โรเจ็น ก็เป็นตำรวจหัวไวไหวพริบดี พูดจ้อเป็นต่อยหอย ไม่โดนลีลาแอ็คชั่นของเททัมกลบ ผลของความสำเร็จจากทั้งคู่ ก็ส่งให้เกิดหนังภาคต่อ 22 Jump Street (2014) ที่ทำรายได้ทะลุทะลวงกว่าภาคแรกเสียอีก รายได้แบบนี้ เราจะได้ดูปฎิบัติการของคู่นี้ในภาค 3 ซึ่งหนังจะไปเชื่อมโยงกับจักรวาลของ MIB หนังประกาศเริ่มต้นโปรเจ็คท์แล้ว แต่ยังไม่มีกำหนดฉาย


5. ดีน มาร์ติน และ เจอร์รี่ ลูอิส



             ดีน มาร์ติน และ เจอร์รี่ ลูอิส เป็นคู่หูที่ร้อนแรงที่สุดในยุค 50s ทั้งคู่เริ่มต้นงานแรกด้วยกันใน My Friend Irma (1949) ลีลาความฮาของทั้งคู่ฉายแววโดดเด่นมาก เรียกได้ว่าทั้งคู่เป็นคู่หูที่เรียกเสียงหัวเราะได้มากสุดในยุคนั้น ทั้งคู่ตอกย้ำความสำเร็จด้วย Sailor Beware (1952) และ Scared Stiff (1953) , The Caddy (1953) ต่อเนื่องกัน 2 ปีติด ทั้งคู่ถูกกล่าวขวัญว่านี่คือคู่หูคู่ฮาคลื่นลูกใหม่ที่มาแทน บ๊อบ โฮป และ บิง ครอสบี้ และแล้วเมื่อความดังถึงขีดสุดก็ย่อมมีวันแยกย้าย เมื่อ Artists and Models (1955) เข้าโรงฉาย เจอร์รี่ ลูอิส รู้สึกว่าเขาถูกพาราเมาท์ตีกรอบให้ต้องร้องเพลงและเล่นแต่บทโง่ ๆ ซ้ำ ๆ และอยากแสดงความสามารถทางการแสดงอย่างอื่นบ้าง ,ส่วน ดีน มาร์ติน ก็รู้สึกว่าความโดดเด่นบนจอจะถูกโอนเอียงไปที่ เจอร์รี่ เสียมากกว่าในขณะที่เสียงเขาดีกว่า แล้วทั้งคู่ก็แยกทางกันทำงาน แต่ความสัมพันธ์ในชีวิตจริงระหว่างกันก็ยังดีอยู่


4. คริส ฟาร์ลีย์ และ เดวิด สเปด



           เป็นคู่ที่แจ้งเกิดจากรายการฮิต Saturday Night Live คู่นี้สร้างหนังฮิตไว้ 2 เรื่อง Tommy Boy (1995) และ Black Sheep (1996) คริส ฟาร์ลีย์ และ เดวิด สเปด ออกมาพิสูจน์ให้เห็นว่าตลกอ้วนผอมก็ยังคงเป็นสูตรสำเร็จที่หากินได้เสมอไป , คริส ฟาร์ลีย์ เป็นหนุ่มร่างใหญ่ เสียงดัง และมักจะมีวลีเด็ด ๆ ปล่อยออกมา ส่วน เดวิด สเปด ก็เป็นแทบทุกอย่างที่ตรงกับ ฟาร์ลีย์ แต่เมื่อทั้งคู่มาอยู่ด้วยกันก็ช่างเป็นความลงตัว ไม่ว่าจะเล่นมุกล้อเลียน หรือมุกคนโง่ , งานของทั้งคู่ถือว่าดีกว่ารุ่นน้องจาก Saturday Night Live ที่ออกมาเล่นหนังกันในยุค 90s อีกหลาย ๆ คนเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญมันจะดีก็ต่อเมื่อเป็นงานเข้าคู่กันเท่านั้น หลักฐานชัดเจนก็คือ Beverly Hills Ninja (1997) งานฉายเดี่ยวของคริส ฟาร์ลีย์ ที่เจ๊งไม่เป็นท่า และที่น่าเศร้าก็คือ คริส ฟาร์ลีย์ เสียชีวิตไปแล้วในปี 1997 จากเหตุเสพยาเกินขนาด หมดโอกาสที่เราจะได้เห็นการแสดงร่วมกันของคู่นี้อีกต่อไป


3. สแตน ลอรเล และ โอลิเวอร์ ฮาร์ดี้



          ไม่มีทางที่รายชื่อคู่หูคู่ฮาจะขาด แสตน ลอเรล และ โอลิเวอร์ ฮาร์ดี้ ไปได้ ลีลาการแสดงตลกของคู่นี้สร้างอิทธิพลให้กับนักแสดงรุ่นหลังไว้มาก ทั้งคู่เข้ามาในโลกภาพยนตร์ในยุคต้น ๆ ของหนังเสียง และเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับวงการหนังตลก , แสตน ลอเรล มาในมาดของหนุ่มอังกฤษ ใบหน้าติดยิ้มตลอดเวลา ลีลาของเขาชวนให้ระลึกถึง ชาร์ลี แชปลิน , ส่วนโอลิเวอร์ ฮาร์ดี้ ก็เป็นหนุ่มตุ้ยนุ้ยเวลาจะขยับไปไหนแต่ละทีก็ดูตุ๊ต๊ะมาก แล้วยังชอบวางก้ามว่าเป็นพี่ใหญ่ของ แสตน ลอเรล ทั้งคู่ฝากผลงานเด่น ๆ ไว้ 3 เรื่อง คือ Pardon Us (1931), The Music Box (1932), และ Babes in Toyland (1934) เป็นคู่หูที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคต้น 30s เป็นดาราตลกเบอร์ต้น ๆ ในยุคเริ่มต้นหนังเสียง


2. แจ๊ค เลมมอน และ วอลเตอร์ แมทเธา



              ด้วยการที่เป็นดาราเจ้าบทบาท ทำให้ชื่อของแจ๊ค เลมมอน และ วอลเตอร์ แมทเธา ดูจะเป็นคู่ที่แตกต่างจากรายชื่อทั้งหมดนี้ ทั้งคู่ร่วมงานกันครั้งแรกใน The Fortune Cookie (1966) ทั้งคู่ก็รู้สึกเข้าขากันได้ดี คนนึงเป็นมนุษย์วิตกกังวล ส่วนอีกคนก็เป็นจอมวางแผน ทั้งคู่ยังสร้างความนิยมได้ต่อเนื่องใน The Odd Couple (1968) ผลงานคลาสสิกตลอดกาลของคู่นี้ที่ดัดแปลงมาจากละครเวทีและมีเวอร์ชั่นรีเมคออกมาอีกเรื่อย ๆ ทั้งคู่ยังสานต่อความสำเร็จต่อเนื่องใน The Front Page (1974) และ Buddy Buddy (1981) หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ห่างหายไปจากวงการ ด้วยวัยที่มากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้สร้างไปจับทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในในวัย 68 ปี Grumpy Old Men (1993) หนังตลกของคู่หูวัยดึกก็ดันฮิตอีก เลยต้องมีภาคต่อ and Grumpier Old Men (1995) เป็นผลงานพิสูจน์ความสำเร็จของคู่หูนี้ว่า แม้ในวัยใกล้ 70 เขาก็ยังคงเป็นคู่หูคู่ฮาที่เข้ากันได้ดีตลอดกาล


1. บัด แอบบ็อต และ ลู คอสเตลโล



               และคู่หูคู่ฮาอันดับ 1 ก็เป็นคู่หูคลาสสิก บัด แอบบอต และ ลู คอสเตลโล คู่นี้แจ้งเกิดในวงการปี 1936 จากรายการตลกทางวิทยุ ด้วยลีลาการพูดทำให้ทั้งคู่เริ่มมีชื่อเสียง และขยับเข้าสู่วงการแสดงด้วยบทเล็ก ๆ ใน One Night In The Tropics (1940) ก่อนจะขยับมาเป็นดารานำใน Buck Privates (1941) กลายเป็นการแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์อย่างเต็มตัว และสร้างปรากฏการณ์แบบที่ไม่เคยมีใครทำได้ ด้วยการเล่นหนังต่ออีกถึง 7 เรื่องในเวลาแค่ 2 ปี กลายเป็นคู่หูที่ดังระดับโลกในยุคนั้น และรายได้จากหนังของคู่นี้ก็เอาชนะหนังของซูเปอร์สตาร์ มิคกี้ รูนีย์ และ คลาร์ค เกเบิล ได้ด้วย ทั้งคู่เข้าขากันได้ราวกับคู่แต่งงานทางอารมณ์ขันที่ทันกันมาก บัด เป็นมนุษย์ที่พูดเร็วมาก แล้วก็คอยดักคอทุกคำที่ ลู พูด ส่วนลู นี่จะอ้วนกว่า เตี้ยกว่า แฟน ๆ ของลูนี่จะเป็นพวกเด็ก ๆ , หนังแต่ละเรื่องของ บัด และ ลู มักจะเป็นเรื่องการแข่งขันเอาชนะกันเองของคู่นี้ ผลงานเด่นของคู่นี้ก็คือ Who Done It? (1942) และ Abbott & Costello Meet Frankenstein (1948)