จากคู่ซี้ในจอ The Peanut Butter Falcon ไชอา เลอบัฟ กับ แซค กอตซาเจน นักแสดงดาวน์ซินโดรม กลายเป็นเพื่อนรักกันนอกจอ

Movie News26 กันยายน 2562

         เรื่องราวการผจญภัยของคู่หูต่างขั้ว ฝ่ายหนึ่งคือ ไทเลอร์ โจรกระจอกที่กำลังหลบหนีเจ้าหน้าที่กฏหมาย และอีกฝ่ายคือ แซค หนุ่มดาวน์ซินโดรมวัย 22 ที่หนีออกมาจากศูนย์ดูแลเพื่อไล่ตามความฝันของเขาที่อยากเป็นนักมวยปล้ำมืออาชีพ ไทเลอร์ต้องกลายเป็นโค้ชจำเป็นให้กับแซค และเป็นทั้งเพื่อนร่วมทางที่ได้สนุกเฮฮา เมา จับปลาไปด้วยกัน เมื่อเอเลนอร์ เจ้าหน้าที่แสนสวยจากศูนย์ดูแลผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมมาตามตัวแซคกลับไป ทั้งคู่ช่วยกันหว่านล้อมให้เอเลนอร์ร่วมผจญภัยไปกับพวกเขา



        "The Peanut Butter Falcon" กลายเป็นหนังม้ามืดที่ถูกจับตามองในเทศกาลล่ารางวัลประจำปีนี้ เพราะว่าหนังตระเวนกวาดรางวัลมาแทบทุกเทศกาลหนัง นักวิจารณ์พร้อมใจเทคะแนนให้หนังอบอุ่นน่ารักเรื่องนี้จนคะแนนในเว็บไซต์ rottentomatoes สูงถึง 95% และถูกจดจำในฐานะหนังเรื่องแรกที่ใช้นักแสดงนำที่เป็นดาวน์ซินโดรมจริง ทำให้ชื่อของ แซค กอตซาเจน ถูกพูดถึงมากในความน่ารักใสซื่อและเป็นบทพิสูจน์หน้าใหม่ที่ยืนยันให้เห็นว่า มนุษย์ดาวน์ซินโดรมก็สามารถแสดงภาพยนตร์ได้จริง

จากการใช้เวลาด้วยกันในกองถ่ายเป็นเวลาหลายเดือน นักแสดงนำอย่าง ไชอา เลอบัฟ ก่อได้สร้างความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับแซค กอตซาเจน เพื่อนใหม่ดาวน์ซินโดรมของเขา จนกระทั่งหนังปิดกล้องไปแล้ว ทั้งคู่ก็ยังสานสัมพันธ์กันในฐานะเพื่อนรักกันจนทุกวันนี้ กลายเป็นเพื่อนรักที่เห็นแล้วก็ต้องยิ้มให้กับความน่ารักของเพื่อนซี้คู่นี้ที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับคู่ซี้ในนิวยอร์ก


 


ไชอาเปิดการสนทนากับเพื่อนซี้ของเขาก่อน "เฮ แซค นายเป็นนักร้องโอเปราเสียงดีใช่มั้ย?"
"ใช่สิ”  แซคตอบทันทีพร้อมกับหันไปยิ้มหวานให้กับไชอา

ไชอายิงคำถามต่อไปทันที  "เฮ้ แซค นายเป็นนักดำน้ำฝีมือดีด้วยใช่มั้ย?"
"ใช่สิ” แซคตอบทันทีอย่างอารมณดี

ไชอาพยักหน้ารับ พร้อมกับทำหน้าตาทึ่งในความสามารถของเพื่อนคนเก่งของเขา แล้วหันมาบอกความจริงกับผู้สื่อข่าว
"ไม่ว่าคุณจะถามว่าเขาทำอะไรได้บ้างไหม เขาจะบอกว่าทำได้หมดล่ะ ไม่เคยมีความสงสัยในความสามารถตัวเองเลยล่ะ"

 


         ย้อนไปเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านี้ แซคได้ทำงานเป็นพนักงานเดินตั๋วในโรงหนังแห่งหนึ่งในฟลอริดา แต่ความฝันของเขาจริง ๆ แล้วเขาอยากเป็นดาราหนัง พอคู่หู ไทเลอร์ นิลสัน และ ไมเคิล ชวาร์ตซ์ ได้จัดกิจกรรมเวิร์กชอปจัดสอนการแสดงให้กับเด็กพิเศษในแคมป์ที่ซานตา โมนิกา, แคลิฟอร์เนีย แซคจึงสมัครเข้าร่วมเวิร์กชอปด้วยทันที ในวันนั้นแซคแอ็กท่าได้เป็นคาวบอยตัวร้าย เขาทำท่าถอดแว่นแล้วก็ถือแก้วเครื่องดื่มที่ไม่มีอยู่จริง แล้วค่อยเอ่ยบทพูดของเขา การแสดงสุดเท่ของเขาเรียกความสนใจของไทเลอร์ และไมเคิลเป็นอย่างมาก

"เกี่ยวกับเรื่องนี้เราต้องยอมรับการตามตรงล่ะนะว่าผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมแทบไม่มีโอกาสจะได้เป็นนักแสดงในหนังที่สร้างสำหรับฉายตามโรงภาพยนตร์นักหรอกนะ จนเราได้พูดคุยกับแซค เขาดูมีความมั่นใจจริงจังมาก วันนั้นแซคบอกว่า งั้นเรามาทำหนังด้วยกันเถอะ จุดเริ่มต้นก็มาจากไอเดียของเขาเนี่ยแหละ มันเป็นไอเดียที่เยี่ยมยอดมาก"
กลายเป็นว่าจุดเริ่มต้นของหนัง The Peanut Butter Falcon นี่มาจากตัวแซคเอง ที่เป็นคนจุดประกายให้กับ 2 คู่หูผู้กำกับนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งไมเคิล และไทเลอร์ ต่างก็คลุกคลีอยู่ในวงการภาพยนตร์กันมาหลายปี แต่ก็ไม่เคยกำกับหรือเขียนบทหนังกันอย่างจริงจังมาก่อน เคยมีแค่ประสบการณ์กำกับหนังสั้นมาแค่นั้น แต่พอแซคเป็นคนจุดประกายให้ทั้งคู่ พวกเขาจึงเริ่มศึกษาวิธีการเขียนบทภาพยนตร์กันอย่างจริงจัง ซึ่งมองจากจุดนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะทั้งคู่ต่างกำลังถังแตกแล้วบ้านก็กำลังจะโดนธนาคารยึด ใกล้เป็นคนไร้บ้านแล้ว มีช่วงหนึ่งไทเลอร์ต้องย้ายไปนอนในเต็นท์มาแล้ว

"ไม่ว่ามันจะออกมาดีหรือแย่ก็ตามแต่ แต่มันก็ดูบ้าบอพอดูกับความพยายามของเราที่จะสร้างหนังกันตามที่สัญญาไว้กับแซค" ไทเลอร์ เล่าความรู้สึก


จากซ้าย ไทเลอร์ นิลสัน, แซค กอตซาเจน, ไชอา เลอบัฟ และ ไมเคิล ชวาร์ตซ์

         ทั้งคู่ต่างรวบรวมเงินเท่าที่ตัวเองจะหาได้มาเป็นทุนในการสร้าง แต่เมื่อมีแซค ผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมในตำแหน่งนักแสดงนำ โพรเจกต์ของพวกเขาก็เรียกความสนใจจากนักแสดงมากฝีมือมาร่วมงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ หนังของพวกเขาจงมี ดาโกตา จอห์นสัน, จอห์น ฮอว์คส์, บรู๊ซ เดิร์น และโธมัส เฮเด็น เชิร์ช แล้วเมื่อหนังสมบูรณ์เรียบร้อย ก็ได้ไปไปฉายเปิดตัวที่เทศกาลหนัง SXSW เมื่อต้นปี แล้วผลลัพธ์ก็สร้างความประหลาดใจกับ 2 ผู้กำกับอย่างมาก เมื่อหนังของพวกเขาคว้ารางวัล "ขวัญใจผู้ชม" มาได้

ไทเลอร์และไมเคิลรู้สึกปลื้มใจมากที่พวกเขาสามารถทำความฝันของแซคให้เป็นจริงได้ แซคเองก็ดีใจมากที่เขาตามความฝันของเขาได้สำเร็จด้วยการเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด

"ผมหวังว่าคนอื่นๆ ก็ควรได้รับโอกาสที่จะไขว่คว้าความฝันของเขาได้เช่นเดียวกับผม ทำตามหัวใจคุณเรียกร้องไปเถอะ แล้ววันหนึ่งคุณก็จะได้เป็นดาราหนังเช่นเดียวกับผม"

นี่คือคำคมของแซค นักแสดงดาวน์ซินโดรมที่ได้กล่าวกับสื่อมวลชน หลังจากไปโชว์ตัวใน “Good Morning America” รายการทีวีชื่อดังของสหรัฐฯ

ความสามารถ ความตั้งใจของแซคก็เป็นเรื่องที่จดจำและน่าพูดถึงเช่นกัน เขาไม่ยอมให้การเป็นดาวน์ซินโดรมมาเป็นอุปสรรคในการเดินตามความฝันของเขา แซครักการดูหนังมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาชอบหนังเรื่อง "Grease" ด้วย ในขณะที่เรียนการแสดง แซคก็ยังช่วยสอนเพื่อนๆ นักเรียนที่เป็นดาวน์ซินโดรมด้วยเช่นกัน



       พูดได้ว่าหนัง The Peanut Butter Falcon ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงชีวิตแซค จากผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมวัย 34 ที่ไม่มีใครรู้จัก ให้กลายเป็นที่สนใจในวงกว้างไปได้ แต่สำหรับ ไชอา เลอบัฟ นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดังที่มีผลงานแสดงมาแล้วนับไม่ถ้วน การที่ได้มาร่วมแสดงใน The Peanut Butter Falcon ก็นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาเช่นกัน

ก่อนหน้าที่จะเปิดกล้องได้ 1 เดือน คู่หูไทเลอร์และไมเคิลก็ขับรถไปรับไชอาที่สนามบินจอร์เจียด้วยตัวเอง 2ผู้กำกับนั่งด้านหน้า ไชอากระโดดขึ้นเบาะหลังที่มีแซคนั่งรออยู่ก่อน นั่นเป็นนาทีแรกที่ทั้งคู่ได้พบกัน พอรถหักเลี้ยวที ทั้งคู่ก็ต้องคอยนั่งประคองกันไป เป็นภาพที่น่ารัก เมื่อต้องใช้ชีวิตด้วยกันในกองถ่ายทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง ก็ทำให้ไชอาและแซคเริ่มสนิทสนมกัน ตกเย็นทั้งคู่ก็มักดูมวยปล้ำทางทีวีด้วยกัน ว่ายน้ำเล่นกัน เอาแตงโมมาเล่นปาใส่กัน นึกสบายใจทั้งคู่ก็เต้นระบำกันบนรางรถไฟ ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันวันหนึ่งมากกว่า 12 ชั่วโมง มองเห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปบนความจริงใจต่อกัน แม้ฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมแต่มิตรภาพของทั้งคู่มีแต่ความเท่าเทียมกัน


 

 

ถึงตรงนี้ไชอาได้เล่าถึงแซคเพื่อนรักของเขาว่า

"ก่อนหน้าที่ผมจะได้รู้จักกับแซคอ่ะนะ ผมค่อนข้างมึนๆ งงๆ กับตัวเองว่าจะเอาไงกับชีวิตดี แต่กับแชคนี่เห็นเป็นอย่างนี้นะ เขารู้จักตัวเขาเองมากกว่าผมซะอีก พอได้รู้จักกับเขา กลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายซึมซับส่วนนี้ของเขามาด้วย ในเรื่องการรู้จักรักตัวเอง ความมั่นใจ แล้วมันก็ต่อยอดไปถึงการรู้จักที่จะรับความรักจากผู้อื่นอีกด้วย ซึ่งไอ้เรื่องพวกเนี้ยเป็นเรื่องที่ชีวิตผมขาดมาตลอดเลย ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมหันไปติดแอลกอฮอล์ พอมองกลับไปมันทำให้ผมเกลียดตัวเองในตอนนั้นจริงๆ นะ"

อ้างถึงเรื่องที่ไชอาเล่าว่าเขาติดแอลกอฮอล์ ก็เป็นตามนั้นจริง แม้กระทั่งช่วงที่ถ่ายทำ The Peanut Butter Falcon ในกลางปี 2017 ไชอาก็ยังดอดไปเมาอยู่แล้วก็ไปป่วนจนโดนตำรวจจับ ไม่พอแค่นั้นยังไปด่าตำรวจผิวดำในสถานีตำรวจว่า "ไปตายซะ"



      กลายเป็นข่าวดังในช่วงนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าชื่นชมสำหรับไชอาอย่างมาก ที่วันนี้เขาเลิกดื่มได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งไชอาบอกว่าที่เขาเลิกดื่มได้ก็เพราะ แซค เพื่อนรักของเขานี่เอง ไชอาเล่าถึงแรงบันดาลใจนี้ว่า

"เขาเข้าถึงความเจ็บช้ำของผมได้อย่างแท้จริง มันมีอยู่วันหนึ่งเรานั่งดูมวยปล้ำด้วยกันเหมือนอย่างทุกคืนนั่นแหละ แซคนั่งโจ้ไอติมอยู่ ส่วนผมก็นั่งกระดกเหล้าจิน ผมหันไปมองแซค แล้วก็เตือนเค้าว่า ชั้นว่านายน่าจะหยุดกินได้แล้วนะ แซคสวนผมกลับมาทันที นายก็เหมือนกันแหละน่าจะหยุดดื่มจินได้แล้วนะ ผมนี่อึ้งแล้วก็ต้องหันไปพิจารณาแซคอย่างจริงจัง เค้าแก่กว่าผมแค่ปีเดียว แต่เค้าอยู่ในวงการแสดงมานานกว่าผม แล้วเขาก็ยังแข็งแรงกว่าผมอีกด้วย แถมเค้ายังมีเพื่อนมากกว่าผมอีก แล้วเพื่อนแต่ละคนของเขาก็มีความรักความผูกพันกันมายาวนานด้วยนะ" พอไชอาเริ่มคิดได้อย่างนั้นแล้วหันมามองตัวเอง เขาก็เริ่มน้ำตาไหลพราก แซคเห็นน้ำตาเพื่อนก็เลยปลอบเพื่อนด้วยทีท่าจริงใจแบบเค้า แซคเอนหัวไปพิงไชอา แล้วก็โอบกอดไชอา

แซคบอกไชอาว่า "ชั้นรักนายนะ" ไชอาก็ตอบกลับ "ชั้นก็รักนายเช่นกัน" โอ๊ย มันช่างน่ารักกันจริงคู่นี้



มาพูดคุยกับแซคกันบ้าง ถามถึงความรู้สึกที่เขามีต่อเพื่อนรักคนนี้

"ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อไชอาเลยครับ ผมไม่อยากเห็นไชอาคนเก่ากลับมา (หมายถึงตอนติดแอลกอฮอล์) ผมชอบไชอาคนใหม่มากกว่า"

"ผมให้ความเคารพนับถือกับเพื่อนนักแสดงในกองถ่ายทุกคน ผมก็อยากให้ไชอาทำเช่นเดียวกัน ยกเว้นเฉพาะคนไหนที่เขาไม่สนใจไชอานะ ผมถือว่าเขาพลาดแล้วล่ะ ผมก็จะไม่สนใจพวกเขาเช่นกัน ผมห่วงใยไชอามาก ไชอาจะทำอะไรก็ได้"

พูดถึงตรงนี้ แซคก็หันไปมองหน้าไชอา "ฉันพูดจริงนะ"
"ฉันรู้ว่านายทำอย่างนั้นจริงๆ" ไชอาตอบกลับแซค "นายทำทุกอย่างที่นายเล่าจริงๆ ฉันเชื่อ"

เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักครับ นึกภาพตามยังชวนยิ้มให้ความจริงใจของเพื่อนคู่นี้



         ในโอกาสที่ แซค กอตซาเจน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดอย่างเต็มตัว นั่นหมายถึงเขาได้ทำหน้าที่เปิดประตูแห่งโอกาสให้กับเพื่อนดาวน์ซินโดรมอีกมาก ที่อาจจะก้าวตามเขามาสู่โลกภาพยนตร์ ในการสำรวจจำนวนประชากรเมื่อปี 2017 ปรากฏว่าในสหรัฐอเมริกามีจำนวนประชากรที่เป็นผู้พิการ ทุพพลภาพมากถึง 19% นั่นเท่ากับทุก ๆ 1 ใน 5 คนของประชาชนสหรัฐฯ จะเป็นผู้ทุพพลภาพ นับว่าเป็นสถิติที่น่ากลัว แต่เมื่อพิจารณาถึงโอกาสของนักแสดงที่เป็นผู้พิการแล้ว กลับเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก มีการสำรวจเมื่อปี 2017 จากหนังดัง 100 เรื่อง มีนักแสดงที่เป็นผู้พิการจริงเพียงแค่ 2.5% นอกนั้นใช้นักแสดงมืออาชีพมารับบทเป็นคนพิการแทน

ไชอา เลอบัฟ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

"ทางเดียวที่จะก้าวข้ามพ้นอคติเรื่องนี้ไปได้ คือต้องให้โอกาสพวกเขา ต้องเปิดจิตใจด้านมนุษยธรรมในตัวคุณออกมา ผมว่าเป็นเรื่องที่วงการภาพยนตร์สมควรทำ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่หัวใจนี่ ดูตัวอย่างได้จากเราสองคนนี้ให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนนี้ ไปเปิดมนุษยธรรมในจิตใจพวกคุณนะ ผมอยากให้ทุกคนได้ทำความรู้จักผู้ชายใจกล้าคนนี้ เค้าเป็นคนที่จิตใจดีงามตัวจริง"


 

     ทุกวันนี้ ไชอา และ แซค ยังคงสานสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่น หลังจากไชอา ออกจากสถานบำบัดอาการติดแอลกอฮอล์ เขาก็รีบโทรหาแซคทันที

"แซคคือเพื่อนที่มากำหนดตัดสินอะไรในตัวผมน้อยที่สุดที่ผมเคยพบมา เขาสนับสนุนผมอย่างที่สุด และเป็นเพื่อนที่เหนียวแน่นที่สุดด้วย"

อ่านแล้วอยากไปเห็นจุดเริ่มความสัมพันธ์ของคู่ซี้คู่นี้กันมั้ยล่ะครับ ไปชมความรักความจริงใจที่เพื่อนต่างขั้วคู่นี้มีให้กันทั้งในจอและนอกจอใน "The Peanut Butter Falcon"  คู่ซี้บ้าล่าฝัน เข้าฉายทุกโรงแล้ววันนี้

 

เช็ครอบฉายคลิกเลย >>   https://bit.ly/2mRq0Tk

 

ตัวอย่างภาพยนตร์