รู้จักกับเธอไว้ ลาชานา ลินช์ สาวผิวสีว่าที่รหัส 007 คนต่อไป
เจมส์ บอนด์ สายลับจากหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ เจ้าของรหัส 007 คาแรกเตอร์จากปลายปากกาของเอียน เฟลมมิ่ง ที่มาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มจนคนทั่วโลกรู้จักกันดี วันนี้ เจมส์ บอนด์ เป็นหนังแฟรนไชส์ที่มีอายุถึง 57 ปี เจมส์ บอนด์ ภาคที่ 25 มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 3 เมษายน 2020 และจะเป็นภาคสุดท้ายของ แดเนียล เครก ที่สวมบทบาท เจมส์ บอนด์ ต่อเนื่องมาถึง 5 เรื่องแล้ว และขอยุติบทบาทของเจมส์ บอนด์ ในภาคที่ 25 นี้ ทำให้ บาร์บารา บร็อกโคลี ผู้อำนวยการสร้างผู้ถือลิขสิทธิ์หนังเจมส์ บอนด์ ต้องเร่งคัดเลือกนักแสดงที่จะมาสานต่อรหัส 007 คนต่อไป
เนื่องด้วย เจมส์ บอนด์ เป็นบทที่ยิ่งใหญ่บนโลกภาพยนตร์ มีมูลค่ามหาศาล หนังแต่ละภาครับประกันว่าจะต้องทำกำไรมหาศาล ใครได้เป็นเจมส์ บอนด์ ก็มั่นใจได้ในเรื่องค่าตอบแทนมูลค่ามหาศาล และจะมีสัญญาผูกพันไปอีกหลายภาค ทำให้นักแสดงแถวหน้าต่างใฝ่ฝันที่จะได้เป็นเจมส์ บอนด์ ที่เปรียบเสมือนจุดสูงสุดในอาชีพนักแสดง หลายปีที่ผ่านมามีข่าวว่าทางผู้สร้างอยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเจมส์ บอนด์ เสียใหม่ ด้วยการลองมองหานักแสดงผิวสีดูบ้างเพื่อทำให้ภาพของเจมส์ บอนด์ ดูแปลกใหม่น่าสนใจมากขึ้น ทำให้ชื่อของ ไอดริส เอลบา กลายเป็นตัวเลือกลำดับแรก ๆ ที่มีแฟน ๆ จำนวนมากคอยเชียร์ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ให้ความสนใจเช่นกัน
แต่แล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ก็มีประกาศข่าวที่เซอร์ไพรส์แฟนๆ เจมส์ บอนด์ ทั่วโลก เมื่อผลออกมาว่ารหัส 007 คนต่อไปที่มารับช่วงต่อจาก แดเนียล เครก คือ ลาชานา ลินช์ สาวผิวสีชาวอังกฤษวัย 31 ปี ที่เพิ่งสร้างชื่อมาจากบท "มาเรีย แรมโบ" เพื่อนสนิทของ แครอล เดนเวอร์ จากหนัง Captain Marvel กับกลายเป็นว่ารหัส 007 คนใหม่นี้นอกจากเป็นคนผิวสี แล้วยังเปลี่ยนเพศเป็นผู้หญิงอีกด้วย ก็เป็นข่าวที่มีทั้งเสียงตอบรับที่เห็นพ้องกับการตัดสินใจของทีมงานและเสียงยี้ที่ไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ สำหรับเสียงคัดค้านนั้น ทางผู้สร้างก็ออกมาอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า 007 เดินทางมาเกือบ 60 ปีแล้ว นักแสดงในหลาย ๆ บทก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้สวมบทบาทกันไปบ้างแล้ว ทั้ง Q และ M เพราะตำแหน่งเหล่านี้คือชื่อรหัสไม่ใช่ตัวบุคคล เช่นเดียวกับ 007 ก็เป็นรหัส ที่จะเป็นใครก็ได้ที่มารับช่วงรหัสนี้
ลาชานา ลินช์ ก็ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการแล้ว เราจะได้เห็นเธอในชุดสูทถือปืน เป็นเจ้าของรหัส 007 ในหนัง Bond 26 อย่างแน่นอน เราก็มาทำความรู้จักเธอกันให้มากกว่านี้ครับ
1. เธอเป็นเพื่อนกับ จอห์น โบเยกา จาก Star Wars
ก่อนที่เธอจะมีงานแสดงในวงการ เธอก็เป็นเพื่อนกับจอห์น โบเยกา อยู่ก่อนแล้ว ในปี 2012 ลาชานา ได้โพสต์ภาพบนอิสตาแกรม เป็นภาพเธอเคียงคู่กับจอห์น โบเยกา ผู้รับบท "ฟินน์" จากแฟรนไชส์หนัง Star Wars: Episode VII - The Force Awakens, Star Wars: The Last Jedi และในปลายปีนี้ก็จะได้พบกับเขาอีกใน Star Wars: The Rise of Skywalker
เส้นทางสู่ชื่อเสียงของทั้งคู่ต่างคล้ายคลึงกัน จอห์น ก็เริ่มต้นจากทีวีซีรีส์อังกฤษ Becoming Human (2011) ก่อนจะได้มาแสดงหนังฮอลลีวู้ด Attack the Block(2011) ส่วน ลาชานา ก็วนเวียนอยู่ในแวดวงทีวีซีรีส์ และภาพยนตร์อังกฤษอยู่หลายปี กว่าจะได้เข้ามามีชื่อเสียงในฮอลลีวู้ด
2. ลาชานา ได้เล่นหนังเรื่องแรกใน Fast Girl ปี 2012
เธอได้รับบทเป็น "เบลล์ นิวแมน" ในหนังอังกฤษ Fast Girl เรื่องของวงการนักวิ่งสาว หนึ่งคนเป็นสาวผิวสีจากสังคมชั้นล่าง ส่วนอีกคนเป็นสาวสวยมาจากครอบครัวร่ำรวย ที่จะต้องมาห้ำหั่นกันด้วยความเร็ว หนังมีสุดสวย ลิลลี่ เจมส์ มารับบทนำ ส่วนบทของ ลาชานา ลินช์ แทบจะไม่มีใครจดจำเธอได้จากเรื่องนี้ จริงๆ เป็นหนังที่ไม่มีใครรู้จักเลยก็ว่าได้ เพราะหนังทำเงินไปแค่ 1.1 ล้านเหรียญเท่านั้น ถึงแม้หนังจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อย Fast Girl ก็ย่อมเป็นหนังในความทรงจำของ ลาชานา เพราะเรื่องนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของเธอในวงการแสดง หลังจากเรื่องนี้ในปี 2013 เธอก็ได้ไปแสดงในทีวีซีรีส์อังกฤษ Silent Witness แล้วต่อด้วยหนัง Powder Room พอมาถึง2014 ก็ได้ไปร่วมแสดงใน มินิซีรีส์อังกฤษเรื่องดังในอังกฤษ The 7.39 ทุกเรื่องที่กล่าวมาก็นับว่าเป็นบันไดขั้นสำคัญของเธอ
3. เธอโตมากับครอบครัว "คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว"
หลังจากได้รับบท "แมเรียม แรมโบ" ใน Captain Marvel ชื่อของลาชานา ลินช์ ก็เป็นที่พูดถึงมากขึ้น เว็บไซต์และนิตยสารบันเทิงก็เริ่มเข้ามาสัมภาษณ์เธอ หนึ่งในคำถามนั้น สอบถามเธอถึงบท "แมเรียม แรมโบ" ที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ซึ่งใกล้เคียงกับชีวิตจริงของเธอ ที่แม่ชาวจาไมกันของเธอ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเช่นกัน ทำให้เธอน่าจะเข้าถึงบทบาทของ แมเรียน แรมโบ ได้ลึกซึ้งมากขึ้น
"การได้รับบทเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวในจักรวาลหนังมาร์เวลนั้น มันเป็นเรื่องที่พิเศษสุดสำหรับฉันมาก ซึ่งฉันอยากจะบอกเล่าอะไรเพิ่มเติมถึงผู้ชม นอกเหนือจากภาพที่ได้เห็นกันไปบนจอภาพยนตร์กันแล้ว เพราะบท แมเรียม แรมโบ เนี่ย นอกจากเธอเป็นนักบินขับไล่แล้ว ฉันก็มองเธอเป็น "ซูเปอร์ฮีโร่" คนหนึ่งเหมือนกันนะ ดูจากการใช้ชีวิตของเธอสิ เราจะได้เห็นเธอควบคุมได้ดีทั้งทางร่างกายและอารมณ์ ฉันชื่นชมคนเขียนบทนะ ที่ให้น้ำหนักกับตัวละครที่เป็นคนธรรมดาได้ดี ได้เห็นแมเรียมดึงพลังใจของเธอออกมาจากภายใน สามารถใช้มันและสามารถถ่ายทอดไปถึงตัว โมนิกา ลูกสาวของเธอให้สัมผัสถึงได้เช่นกัน"
4. เธออยากจะเป็นสมาชิกในจักรวาลมาร์เวลมาตั้งแต่หนัง Black Panther และ Spiderman: Homecoming
เธออยากเป็นหนึ่งในสมาชิกของจักรวาลมาร์เวลมาก จึงไปออดิชันบทในหนัง Black Panther และ Spiderman: Homecoming แต่เธอก็ไม่ได้รับเลือกทั้ง 2 เรื่อง และเธอก็ไม่ล้มเลิกความพยายาม ลาชานา ไปออดิชั่นบทอีกครั้งกับ หนัง Captain Marvel แล้วในวันรุ่งขึ้นเธอก็ได้รับข่าวดีผ่านทางเอเยนต์ของเธอ
"มันเป็นเรื่องวิเศษสุดจริงๆ ฉันพยายามไม่คาดหวังถึงมันแล้วนะ ฉันนั่งลุ้นอยู่กับเพื่อน แล้วเพื่อนก็ตะโกนขึ้นมา "โทรศัพท์ดังแล้ว โทรศัพท์ดังแล้ว" แต่ฉันก็คิดแบบว่า เอเยนต์ คงแค่โทรมาพูดคุยทักทาย แต่แล้วเธอก็บอกว่า "เย้ ยินดีด้วยนะ" พอได้ยินคำนั้น ฉันนี่ทิ้งตัวลงไปกับพื้นเลย เพื่อนทั้ง 2 คนก็ดีใจแทบบ้าไปกับฉันด้วย พวกเธอบอก "จากนี้ไปชีวิตแกจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยนะ"
5. เธอชื่นชอบยุค 90s
ในช่วงที่ ลาชานา เดินสายโพรโมตหนัง Captain Marvel นั้น เธอต้องตอบคำถามนักข่าวมากมาย แล้วก็มีคำถามว่า เธอรู้สึกอย่างไรกับชีวิตยุค 90s เพราะว่าหนัง Captain Marvel นั้นเขียนให้เหตุการณ์กิดในยุค 90s "ฉันฟังเพลงยุค 90s เยอะมาก แม้ตอนที่ถ่ายทำ Captain Marvel ฉันก็ฟังนะ ฉันชอบ ดรู ฮิลล์ , โมนิกา , แบรนดี้ ,โจเดซี" เธอยังอธิบายต่อว่า เธอไม่ใช่แค่โปรดปรานบทเพลงยุค 90s นะ เธอชอบหลายสิ่งหลายอย่างในทศวรรษนี้เลย "ฉันเกิดในยุค 80s นะ แล้วก็เป็นเด็กในยุค 90s ทำให้ฉันผูกพันกับเพลงยุคนี้มาก ฉันจึงมักจะเลือกฟังแต่เพลงยุคนี้อยู่เสมอ"
ถึงตรงนี้คิดว่าผู้อ่านคงได้รู้จักกับเธอขึ้นบ้างเล็กน้อยนะครับ มีข่าวคราวอะไรเพิ่มเติม เกี่ยวกับลาชานา ลินช์ ในภาพลักษณ์ 007 คนใหม่ จะรีบมาเล่าสู่กันฟังครับ