จากหนังสั้นที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ สู่หนังรักย้อนเวลาสนุกและซึ้งกินใจ
Time Freak สร้างจากภาพยนตร์เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม ซึ่งหนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มสายฟิสิกซ์สุดปราดเปรื่อง "สติลล์แมน" (เอซา บัตเตอร์ฟิลด์) ที่อยู่ดีๆ ก็ถูก "เด็บบี้" (โซฟี เทอร์เนอร์) แฟนสาวที่เขารักมาก บอกเลิกไปอย่างไม่คาดคิด แต่เขายังไม่ยอมแพ้ เขาทำในสิ่งที่นักฟิสิกซ์อกหักทุกคนต้องทำ นั่นก็คือ การสร้างไทม์แมชชีน เพื่อพิชิตใจเธออีกครั้ง แต่สติลล์แมนไม่ได้ย้อนเวลาไปคนเดียว เขาลาก "เอแวน" (สกายเลอร์ กีซอนโด) เพื่อนสนิทที่สุดของเขาไปด้วย สติลล์แมนต้องทำทุกอย่างใหม่ทั้งหมดอีกครั้งกับคนที่เขารัก เพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์ความเขาและเด็บบี้นั้นดีที่สุด ไร้ที่ติ เพื่อที่จะไม่ไห้เธอบอกเลิกเขา
เจ้าของผลงานหนังสั้นเรื่องนี้คือ "แอนดรูว์ โบว์เลอร์" ซึ่งเขาเป็นนักสร้างหนังสั้น ในปี 2011 หลังจากที่เขาแต่งงานได้หมาดแๆ เขาได้คุยกับแฟนของเขาว่า เขามีไอเดียที่จะสร้างภาพยนตร์สั้นเรื่องหนึ่ง ภาพยนตร์สั้นเรื่องนั้นมีชื่อว่า Time Freak เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายที่ย้อนเวลากลับไปแก้ไขความรักในอดีต เขาใช้เงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต ซึ่งเป็นเงินเพียงแค่ 25,000 เหรียญสหรัฐ ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อเขาสร้างเสร็จ เขาไม่รู้เลยว่า สิ่งมหัศจรรย์ที่จะตามมาในอนาคตคืออะไร เขาได้ส่งภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าไปประกวด และไม่นานงานเทศกาลภาพยนตร์ Brooklyn International ก็ได้ติดต่อเขามาเพื่อขอนำภาพยนตร์ไปเข้าฉายที่เทศกาล
ในปี 2015 มีค่ายหนังมาติดต่อขอซื้อบทภาพยนตร์ของเขาไปทำแต่เขาก็ต้องปฎิเสธไป จนในที่สุดค่าย Good Universe ก็เล็งเห็นถึงความเป็นไปได้ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาจึงติดต่อมาที่แอนดรูว์ เขากล่าวว่า "นี่เป็นค่ายที่ 3 แล้วที่ติดต่อผมมาเรื่องอยากจะได้บทหนังของผมไปสร้างเป็นภาพยนตร์ขนาดยาว แต่ไม่เคยมีใครเอ่ยปากเลยว่า อยากให้ผมกำกับ ผมไม่ได้หยิ่ง หรือ อยากปฎิเสธนักหรอกนะ แต่หนังเรื่องนี้มันคือชีวิตของผม ผมปั้นมันมากับมือ ผมอยากที่จะพามันไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้" ซึ่ง "เรย์มอนด์ แมนสฟิลด์" ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดัง Get Out ได้ติดต่อหาแอนดรูว์ และบอกเขาว่าเขาต้องการรีเมคหนังเรื่อง Time Freak และ อยากได้แอนดรูว์มากำกับให้
เรย์มอนด์ ยังได้กล่าวว่า "ในยุคนี้ เราไม่จำเป็นต้องใช้ผู้กำกับที่เก่งกาจอะไรมากมายแล้ว เรารู้ว่าหนังเรื่องนี้มันสร้างมาจากคนที่รักในเรื่องของการเดินทางข้ามเวลา ถ้าเขามีแพชชั่นมากพอ เราเชื่อว่าเขามีเรื่องราวที่อยากจะเล่า" และมันก็เป็นไปตามที่เรย์มอนด์กล่าว เมื่อ แอนดรูว์ เข้ามาพบกับ เรย์มอนด์ พร้อมกับบทภาพยนตร์ความยาว 120 หน้ากระดาษ เรย์มอนด์ เมื่อได้อ่านบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนมา เขาก็รู้สึกเลยว่านี่เป็นหนังที่สนุกและซาบซึ้งกินใจมาก ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะสามารถหยอดมุขตลกเกี่ยวกับการย้อนเวลาได้มากขนาดนี้
เตรียมย้อนเวลาแก้ไขความผิดพลาดเพื่อให้รักสมหวังอีกครั้งใน "Time Freak" 5 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพยนตร์