รู้จักกับ Blumhouse Production บริษัทผลิตหนังสยองขวัญที่ประสบความสำเร็จที่สุดใน 2 ปีที่ผ่านมา
แม้ว่าปีที่ผ่านมา IT จะเป็นหนังสยองขวัญที่สร้างสถิติใหม่ด้วยการทำรายได้ไป 327 ล้าน ทำลายสถิติเดิมของ The Sixth Sense ที่ครองตำแหน่งด้วยตัวเลข 293 ล้านมาตั้งแต่ปี 1999 , แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ 2 เรื่องนี้ แต่ความน่าสนใจคือหนังสยองขวัญอีก 3 เรื่องที่ทำรายได้รองลงมาจาก "IT" ล้วนเป็นผลผลิตของ BlumHouse Production ทั้งสิ้น แล้วแต่ละเรื่องก็ใช้ทุนสร้างไม่ถึง 10 ล้านสักเรื่องเดียว แต่ทำรายได้แบบถล่มทลาย แค่ Split ก็กวาดไป 278 ล้านแล้ว
แม้ว่าบลูมเฮาส์ จะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2016 ทยอยสร้างหนังปีละ 2-3 เรื่อง จนมาถึงปี 2014 ที่เริ่มทุ่มทุนหนักขยายกำลังการผลิตมาเป็นปีละ 10 กว่าเรื่อง และปี 2017 นับได้ว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดตั้งแต่บริษัทก่อตั้งมา หนังได้ทั้งรายได้และยังได้ไปถึงเวทีออสการ์อีกด้วย จนถึงตอนนี้ บลูมเฮาส์ยังเดินหน้าด้วยปณิธานเดิมคือเน้นสร้างหนังสยองขวัญเป็นหลัก และกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตหนังสยองขวัญอันดับ 1 ของฮอลลีวู้ดไปแล้ว ในช่วงก่อนเข้าสู่เทศกาลฮัลโลวีนนี้ ทางเอสเอฟ ซีนีม่า ก็เลยถือโอกาสเลือกหยิบ 4 หนังสุดยอดของบลูมเฮาส์ กลับมาให้คอหนังสยองขวัญได้รับชมกัน มีทั้ง The Purge Election Year , Split , Happy Death Day และ Get Out หนังเรื่องเด่นสุดของค่ายที่ไปคว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์มาแล้ว ติดตามกำหนดฉายได้ทางหน้าเว็บ SFcinema นี้เลย ถึงตอนนี้เรามาทำความรู้จักค่ายหนังสยองขวัญนี้กันให้มากขึ้นครับ
1. ชื่อ บลัมเฮาส์ มาจากชื่อของเจ้าของค่าย "เจสัน บลัม"
เจสัน บลัม ก่อตั้ง บลูมเฮาส์ โปรดัคชั่นในปี 2006 ในปีแรก ๆ นั้นยังเป็นบริษัทผู้ผลิตที่ร่วมสร้างหนังกับบริษัทอื่น และผลิตหนังหลากหลายทั้งโรแมนติก , ตลก ก่อนจะมาเดินหน้าผลิตหนังสยองขวัญเป็นหลักในภายหลัง , เจสัน บลัม เกิดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1969 ในลอสแองเจลิส ก่อนมาก่อตั้งบลูมเฮาส์ เขาก็คลุกคลีอยู่ในฮอลลีวู้ดอยู่นาน เคยทำงานอยู่ในวอเนอร์ บราเธอร์ และไวน์สตีน คอมพานี , ด้านชีวิตส่วนตัว เจสัน สมรสกับ ลอเรน ชูเกอร์ นักข่าวหญิง
2. หนังเรื่องแรกที่สร้างชื่อให้บริษัทคือ "Paranormal Activity"
ในปี 2009 วงการหนังสยองขวัญต่างฮือฮากันกลับการเปิดตัวของหนัง Paranormal Activity ด้วยการนำเสนอที่แปลกใหม่และสมจริง กับการให้คนดู ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด และโฮมวีดีโอทั้งเรื่อง ให้เห็นการคุกคามของวิญญาณร้ายที่วนเวียนอยู่ในบ้านและคุกคามเจ้าของบ้านในยามวิกาล หนังเป็นผลงานเขียนบทและกำกับโดย โอเร็น เพลี ที่ใช้ทุนสร้างเพียงแค่ 15,000 เหรียญเท่านั้น แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปมากถึง 193 ล้านเหรียญ ด้วยความสำเร็จระดับนี้ ทำให้หนังมีภาคต่อมาในทุกๆ ปี จนถึงภาคที่ 6
3. หนังที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดของค่ายคือ 10 ล้านเหรียญ
บลูมเฮาส์ เป็นค่ายหนังที่เป็นที่รู้กันดีในเรื่องของบริษัทผู้สร้างหนังทุนต่ำ หนังหลายๆ เรื่องของค่ายใช้ทุนสร้างไม่ถึง 1 ล้านเหรียญด้วยซ้ำ ส่วนทุนสร้างสูงที่สุดที่ทางค่ายเคยอนุมัติให้คือตัวเลข 10 ล้านเหรียญ ตั้งแต่เปิดค่ายมามีหนังที่ได้ทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญ เพียง 3 เรื่องเท่านั้นคือ Insiduous: Chapter 3 , Sinister 2 และ Paranormal Activity: The Ghost Dimension ซึ่งทุกเรื่องก็ล้วนแล้วแต่ทำรายได้ในระดับเกิน 50 ล้านทั้งสิ้น
4. Split คือหนังที่ประสบความสำเร็จที่สุดของบลูมเฮาส์
อย่างที่เกริ่นมาข้างต้นว่าปี 2017 คือปีทองของค่ายบลูมเฮาส์ มีหนังทำเงินถึง 3 เรื่อง และเรื่องที่ประสบความสำเร็จที่สุดก็คือ Split ผลงานเขียนบทและกำกับของ เอ็ม ไนท์. ชยามาลาน ที่เป็นภาคต่อของ Unbreakable หนังฮิตในอดีตเมื่อปี 2000 , Split ใช้ทุนสร้างไปเพียง 9 ล้านเหรียญเท่านั้นแม้จะมีดาราขายชื่ออย่าง เจมส์ แม็คอะวอย มารับบทนำ หนังทำรายได้ทั่วโลกไปมากถึง 278 ล้านเหรียญ และแน่นอนหนังกำลังจะมีภาคต่อในชื่อ "Glass" ที่นำเอาตัวละครใน Split ไปรวมกับ 2 ตัวละครหลักจาก Unbreakable ซึ่งมีทั้ง บรู๊ซ วิลลิส และ ซามูเอล แอล. แจ็คสัน หนังมีหนดฉาย มกราคม 2019 นี้ และมีความเป็นไปได้สูงว่าหนังจะทำรายได้เหนือ Split
5. ขยายกิจการเข้าสู่วงการหนังสือและการ์ตูน
ปี 2015 บลูมเฮาส์ขยายกิจการวงการสิ่งพิมพ์เริ่มต้นด้วยการออกหนังสือนิยายสยองขวัญในเรื่อง "The Blumhouse Book of Nightmares: The Haunted City" ปี 2016 ออกมาอีก 1 เรื่อง "The Apartment" พอมาถึงปี 2017 ออกมาถึง 3 เรื่อง "Feral" , "Meddling Kids"และ "Haunted Nights" และในปีเดียวกันก็ออกหนังสือการ์ตูนในชื่อ "Sleight" เป็นเรื่องราวก่อนหน้าของหนังดราม่าชื่อเดียวกัน ที่ออกฉายในปี 2017
นับได้ว่าเป็นค่ายหนังเล็กๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และอนาคตอาจจะไม่ใช่ค่ายเล็กอีกแล้ว ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี บลัมเฮาส์มีหนังที่ประสบความสำเร็จมากมาย และยังมีโปรเจ็กต์ในอนาคตที่น่าสนใจอีกมาก ทั้ง "US"หนังเรื่องที่ 2 ของจอร์แดน พีล ผู้กำกับ Get Out , Happy Death Day 2U ภาคต่อของหนังสยองขวัญไอเดียแปลกใหม่ และการกลับมาของ Spawn ซูเปอร์ฮีโร่ด้านมืดที่เคยโด่งดังในอดีต