ใน "ขุนพันธ์ 2" ความแตกต่างจากภาคแรกที่เราจะได้เห็นคือเราจะได้เห็นตัวละครของขุนพันธ์เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อมากขึ้น
"ผมรู้สึกว่าทุกวินาทีที่เราอยู่กับเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่เราเก็บไว้เป็นความทรงจำที่เราจะเก็บไว้กับตัวตลอดไป ไม่มีใครรู้ว่าจะมีโอกาสทำหนังชนิดนี้อีกหรือเปล่า ซึ่งมันทำให้ทุกๆ คนรวมถึงตัวผมรู้สึกศรัทธาการทำงานในทางนี้ เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทุ่มเทให้กับโปรเจกต์นี้ เราให้ 100 เปอร์เซนต์"
เป็นอย่างไรบ้างกับการกลับมารับบทเป็น "ขุนพันธ์" นายตำรวจวีรบุรุษผู้เป็นตำนานครั้งที่ 2
ต้องบอกว่าพอจบภาคแรก ยอมรับเลยว่านี่เป็นโปรเจกต์ที่ใช้พลังงานมากที่สุดในทุกๆ โปรเจกต์ที่ผมเคยร่วมงานมาก่อน ตอนปิดกล้องก็ยังบอกพี่โขมเลยว่าสิบปีนะพี่เดี๋ยวค่อยกลับมาเจอกัน ให้กลับมาอย่างนี้อีกรอบหนึ่งไม่รู้ว่าจะไหวไหม ขอทำใจก่อนนะถ้าพี่จะให้ผมกลับมาเล่น พอรู้ว่ามีภาค 2 มันเป็นโปรเจกต์ที่ทำยาก เป็นชนิดหนังที่น้อยทีมน้อยคนคิดที่จะทำกันแล้ว ซึ่งมันทำให้ทุกๆ คนรวมถึงตัวผม รู้สึกศรัทธาการทำงานในทางนี้ เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทุ่มเทให้กับโปรเจกต์นี้ เราให้ 100 เปอร์เซนต์ ในเมื่อเราทำภาค 1 ให้มันสำเร็จมาแล้วเนี่ย ภาค 2 คือเรารู้อยู่แล้วว่ามันต้องมากกว่านั้น ก็เลยเตรียมตัวที่จะเหนื่อยกว่าภาคแรกด้วยซ้ำไป สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในทีมของเรา เพราะเราได้ฝ่าฟันหลายสิ่งหลายอย่างกับภาคแรก ผมรู้สึกว่ามันทำให้ทุกคนสนิทกัน มีความสามัคคีอยู่สูงมากเราทำงานกันเป็นครอบครัวเราสู้เพื่อกันและกัน กลุ่มกองถ่ายของเราเป็นเหมือนกลุ่มแก๊งโจรเชิ๊ตดำไปแล้ว
ในเรื่อง "ขุนพันธ์ 2" นี้อะไรคือความแตกต่างที่ผู้ชมจะได้สัมผัส
สำหรับ "ขุนพันธ์ 2" ความแตกต่างจากภาคแรกที่เราจะได้เห็นคือเราจะได้เห็นตัวละครของขุนพันธ์เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อมากขึ้น มีความเป็นมนุษย์ปุถุชน ภาคแรกขุนพันธ์จะค่อนข้างขาวดำคือทุกอย่างที่เขาเชื่อมันเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่สำหรับภาคนี้เราจะได้เห็น Conflict เห็นความรู้สึกขัดแย้งของตัวละครตัวนี้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาได้เผชิญหน้าจริงๆ อย่างโจรที่เขาได้เจอมันก็มีทั้งคุณธรรม มีเมตตา ก็ไม่ได้เลวซะทีเดียว ในเวลาเดียวกันก็จะได้เห็นตำรวจที่ไม่ได้ดีซะทีเดียวเหมือนกัน มันทำให้ท่านขุนเขาเกิดคำถามเกิดความรู้สึกที่ว่าแล้ว "ตำรวจที่ดียังมีอยู่ไหม" แต่ในขณะเดียวกันแน่นอนอยู่แล้วใครที่เป็นแฟนหนังแอคชั่นแฟนตาซี เรื่องอาคม ในภาค 2 เราจะได้เห็นความเข้มข้นของวิชาอาคมที่ท่านขุนพันธ์มานำเสนอให้ทุกคนได้ดูนะครับ และจะได้เห็นที่มาที่ไปของวิชาอาคมเหล่านี้ว่าท่านไปเรียนมาจากที่ไหน ท่านเอามาใช้มากขึ้นชัดขึ้นมากกว่าภาคแรกอีก
เรื่องราว "ขุนพันธ์ 2" เป็นอย่างไร
เหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นกฎหมายค่อนข้างอ่อนแอมาก ท่านขุนเองก็เริ่มรู้สึกหมดศรัทธาในกฎหมาย เจอตำรวจหักหลัง โดนให้พักราชการ ในภาคนี้เราก็เลยจะได้เห็นท่านขุนเข้าไปอยู่ในกลุ่มของพวกจอมโจรเชิ๊ตดำซึ่งนำโดย "เสือฝ้าย-เสือใบ" พูดได้ว่าสำหรับเสือฝ้ายก็จะคุมชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางในช่วงนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องการจับตัวมากที่สุด ทางเสือใบกับเสือฝ้ายเนี่ยนอกจากจะเก่งก็จะมีของดีมีอาคมที่ไม่แพ้ใครเลยครับ และก็ความไม่ธรรมดาของสองคนนี้คือยอมหักไม่ยอมตาย สำหรับท่านขุนเองพอเข้าไปอยู่ในกลุ่มเชิ๊ตดำ มันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ส่งผลต่อความคิดที่อยู่ในตัวท่านขุนพันธ์ ท่านได้เห็นว่าจริงๆ แล้วโลกมันไม่ได้มีแค่ขาวดำ ทุกอย่างไม่ได้ดำเนินไปตามกฎหมายอย่างเดียว พอได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งเชิ้ตดำก็ไปสะกิดความเชื่อแต่เดิมที่ท่านเคยมีมาตลอดเกี่ยวกับพวกเสือและกฎหมาย ความน่าสนใจในภาคสองนี้คือเราจะได้เห็นตัวละครท่านขุนที่มีอาวุธมีอาคมที่เหนือใคร แต่ในขณะเดียวกันสำหรับเสือฝ้ายกับเสือใบนี่ก็ไม่แพ้กัน มีวิชาอาคมที่ไม่ธรรมดาเหมือนกันครับ ในภาค 2 นี้กฎหมายจะจับตายขุนพันธ์ครับ เราจะได้เห็นขุนพันธ์ถือคำสัตย์ปฏิญาณกับพวกโจร
ในภาค 2 นี้ผู้ชมจะได้สัมผัสของขลังวิชาอาคมอะไรของ "ขุนพันธ์" บ้าง
ในภาคนี้คือหนังเหนียวคงกระพัน คาถาพรางตัว แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะท่านก็จะมีอาวุธพิเศษในภาคนี้ด้วยก็คือ "ดาบแดง" เราจะได้เห็นขุนพันธ์ใช้ดาบแดง เราจะได้เห็นความมันการปะทะกันของสามตัวละครที่มีความคงกระพัน มีวิชาแคล้วคลาด และก็พลังช้างสาร
ในภาคนี้ยังมีตัวละครใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 คาแรคเตอร์คู่ปรับตัวละครสำคัญอย่าง "เสือใบ" กับ "เสือฝ้าย" เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับคาแรคเตอร์ "เสือใบ" จะเป็นตัวละครที่เจ้าเล่ห์ จะมีไหวพริบที่ดี ฉลาด แต่จุดที่ผมว่ามีเสน่ห์ของตัวเสือใบนี่คือ ความกะล่อน ความเจ้าชู้ คือจากที่ “เป้ อารักษ์” เขาแสดงไปนี่มันน่าสนใจมาก ถึงขนาดที่ว่าเป้เขามีการดีไซน์ตัวละครตัวนี้ขึ้นมา อย่างเช่นมีการดัดเสียงเพื่อเล่นเป็นตัวละครเสือใบตัวนี้โดยเฉพาะ ในขณะเดียวกันตัวเสือใบเองก็จะมีของขลังเป็นกระสุนคต เสือใบเขาก็จะมีปืนพิเศษที่จะเป็นปืนสำหรับกระสุนคตโดยเฉพาะ เพียงแค่ขอให้มองเห็น กระสุนอยู่ทิศไหนก็จะไปโดนคนนั้น และตะกรุดแคล้วคลาด พูดง่ายๆ เขาเรียกเหมือนกับเกราะของเขา ซึ่งใครยิงมาตะกรุดหันไปด้านนั้นก็จะยิงมาไม่ถึงตัว จะเป็นเหมือนเกราะที่จะช่วยบิดให้กระสุนหักเหออกไปในทิศทางอื่น
ส่วน "เสือฝ้าย" นี่ก็เป็นโจรที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน นอกเหนือจากอาคมที่แกมีแล้ว เสือฝ้ายเป็นตัวละครที่มีความเหนือกว่าตัวละครตัวอื่นๆ ก็คือผู้คนทั่วไปล้วนนับถือ เป็นเสือที่มีบารมีเป็นที่นับถือของชาวบ้านถึงแม้แกจะเป็นโจร พูดง่ายๆ เสือฝ้ายก็จะเหมือน Godfather ส่วนความสามารถหรือพลังอาคมของเสือฝ้ายคือจะเก่งอาวุธทุกชนิด ปืนเล็ก ปืนสั้น ปืนยาว รวมไปถึงบาซูก้าแกก็ใช้ นอกเหนือจากนั้นแกก็สักช้างเอราวัณอยู่บนอก ซึ่งถ้าเกิดออกฤทธิ์เมื่อไหร่ก็จะเกิดเป็นพละกำลังพลังมหาศาลเหมือนช้างสาร เรี่ยวแรงเยอะสามารถจับเหวี่ยงคู่ต่อสู้ลอยได้สบายเลย
อยากฝากบอกอะไรกับแฟนๆ ที่รอคอย "ขุนพันธ์ 2"
สำหรับ "ขุนพันธ์ 2" ผมการันตีว่าโปรดักชั่นของหนังเรื่องนี้ไม่แพ้ใครแน่นอน ส่วนหนึ่งที่เป็นจุดเด่นที่เราเห็นของเรื่องนี้คือเราเน้นความสมจริงครับ ทุกส่วนของโปรดักชั่นเลย เราอยากให้คนดูเขาเหมือนอยู่ร่วมในเหตุการณ์กับพวกเรา อยากจะบอกนิดหนึ่งว่าใครที่เป็นแฟนๆ ของภาคแรก แฟนตาซี อาคม หนังพีเรียด ขอบอกว่าภาค 2 ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน จะดุเดือดแค่ไหนท่ านขุนจะกลับมาด้วยวิชาอามคมแบบไหนบ้าง มีของขลังของใหม่อะไรยังไงมาบ้าง ก็ต้องห้ามพลาดนะครับ "ขุนพันธ์ 2" เข้าฉาย 23 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
ตัวอย่างภาพยนตร์